เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๓ มี.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะ สิ่งมีชีวิตนะ สิ่งมีชีวิตปรารถนาความสุข เกลียดความทุกข์ทั้งนั้น สิ่งมีชีวิต ดูสิ สัตว์ป่า สัตว์ป่ามันก็ต้องการความอุดมสมบูรณ์ของมัน มันอยากอยู่ของมันด้วยความราบรื่นนะ แต่เพราะว่าสภาวะแวดล้อม สัตว์ป่า ดูสิ เวลามันแห้งแล้ง ภัยแล้งของมัน มันต้องออกจากป่าของมันมาหาอาหาร ทั้งๆ ที่มันต้องหาอาหารอยู่ในป่า เพราะมันเป็นสัตว์ป่า สัตว์ป่ามันเกิดสภาวะแวดล้อมที่ไหน มันปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมแบบนั้น แต่เวลามันเกิดภัยแล้งขึ้นมามันต้องหนี หนีมามันต้องหาอาหารของมัน

สัตว์มันยังมีความรู้สึกนึกคิดเลย แล้วเราเกิดเป็นคนไง เกิดเป็นคน คนมีความรู้สึกนึกคิดนะ ทีนี้หัวใจของเราเวลาคิดดี คิดดีมันคิดได้น้อย เวลาคิดชั่ว คิดชั่ว คิดเอารัดเอาเปรียบตนเอง เอารัดเอาเปรียบตนเอง มันพาตนเองไปสมบุกสมบันกับทางโลกไง

แต่เวลาเราอยู่บ้านอยู่เรือนของเรา ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี เราได้ชีวิตนี้มา ได้ชีวิตนี้มาได้อย่างไร เราได้ชีวิตนี้มาจากพ่อจากแม่นะ พ่อแม่เราก็มี ปู่ย่าตายายของเรา เวลาทำบุญกุศลขึ้นมา เราทำบุญกุศลอุทิศส่วนกุศลให้พ่อ ให้แม่ ให้ปู่ ให้ย่า ให้ตา ให้ยาย ให้พ่อ ให้แม่ ให้ปู่ ให้ย่า ให้ตา ให้ยายทำไม เพราะให้ท่านมีความสุขๆ เพราะเราได้ชีวิตนี้มาไง ชีวิตนี้เราแลกมาๆ อยู่ในครรภ์มา ๙ เดือน ออกมาจากช่องคลอด ออกมาจากช่องแคบนั้น ถ้าออกมาจากช่องแคบนั้น ถ้าไม่มีการบำรุงรักษาขึ้นมา ชีวิตนี้ก็หาไม่ แล้วชีวิตนี้เกิดมาแล้วท่านเลี้ยงดูมา ท่านปกป้องดูแลมา ให้การศึกษา ให้ทุกอย่างเลย สิ่งที่ให้มาๆ ชีวิตนี้มีค่าขนาดนี้

แต่เวลาเราคิดของเรา มันก็มีความรู้สึกนึกคิด คนมีความรู้สึกนึกคิดมันก็เอาแต่ใจตัวมัน เอาแต่ใจตัวมันเพราะอะไร เพราะมันมีกิเลสตัณหาความทะยานอยาก มันล้นฝั่งๆ ความรู้สึกนึกคิดของเรา เวลากิเลสมันยุมันแหย่ขึ้นมา มันล้นฝั่ง พอมันล้นฝั่ง เอาสิ่งใดเข้าไปดูแลมันล่ะ สิ่งที่จะดูแลสิ่งนี้ได้ก็คือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามันสะอาดบริสุทธิ์ มันสะอาดบริสุทธิ์เพราะใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้เองเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เองโดยชอบ

ความที่ตรัสรู้เองมันต้องมีพื้นฐานมา ดูสิ เวลาตรัสรู้ขึ้นมา เวลาเป็นพระเวสสันดรกับชูชก ชูชกกับพระเวสสันดรสร้างบุญกุศลมาด้วยกัน เวลาสร้างบุญมาด้วยกัน เวลาเขาจะทำขนาดไหน เขาต้องคิดเอารัดเอาเปรียบตลอด ชูชกน่ะ พระเวสสันดรเสียสละ เสียสละขนาดไหนนะ เวลาจะมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ชูชกก็มาเกิดเป็นเทวทัต เวลาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะขึ้นมา ปรารถนาคุณงามความดี ต้องเสียสละๆ

คนเรานะ เรามีครอบครัว นางพิมพาเป็นมเหสี คลอดสามเณรราหุลออกมา เข้าไปมองหน้ายังมองไม่ได้เลยล่ะ เพราะอะไร เพราะเข้าไปแล้วมันจะไม่ได้ออกบวชไง ถ้าเข้าไปแล้ว นางพิมพาลักไว้ คนมีความผูกพัน ผูกพันกับลูก แล้วลูกเกิด คนที่เป็นหัวอกของพ่อ ลูกคนแรกเกิดมามันเห่อทั้งนั้นน่ะ ไอ้นี่ลูกก็เกิด ใจมันก็ต้องออกบวช ใจมันต้องคิดหา มันทุกข์มันยากไปทั้งนั้นน่ะ นี่ไง ขนาดสร้างคุณงามความดีมาขนาดนั้น พอคุณงามความดีขนาดนั้น ในเมื่อยังไม่สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันยังมีกิเลสตัณหาความทะยานอยากอยู่ มันบีบคั้นหัวใจ คนมีความรู้สึกนึกคิดๆ มันจะนึกคิดเรื่องอะไรล่ะ

ถ้ามันคิดเรื่องดีๆ คิดเรื่องดีๆ แต่ความรับผิดชอบ ครอบครัวอยู่นี่ต้องทิ้งไป ต้องทิ้งไป ทิ้งทุกอย่างไปค้นคว้า ค้นคว้าจนมันต้องมีพื้นฐานมา คำว่า “มีพื้นฐานมา” บารมี ถ้ามีบารมี เวลาไปค้นคว้ามา อาฬารดาบส อุทกดาบสบอก “เจ้าชายสิทธัตถะมีความสามารถเหมือนเรา เป็นอาจารย์ได้เหมือนเราทุกอย่าง” ทุกคนยกยอปอปั้นทั้งนั้นน่ะ

แต่ด้วยอำนาจวาสนาที่ได้สร้างมา ได้สร้างคุณงามความดีมา พอสร้างคุณงามความดี มันเปรียบเทียบจากอำนาจวาสนาของตน มันจริงหรือมันเท็จ ไอ้คำยกย่องสรรเสริญมันจริงหรือเปล่า เขายกย่องว่าเราเป็นคนดีๆ เขายกย่องว่าเราเป็นศาสดา เขายกย่องว่าจิตใจเราดีงาม มันดีหรือเปล่า มันไม่ดี มันไม่ดีเพราะมันสงสัย มันยังสงสัย มันยังมีกิเลสอยู่ในหัวใจ ใครยกย่องสรรเสริญขนาดไหนสละทิ้งหมดเลย สละทิ้งหมดเลย เราไปค้นคว้าด้วยตัวเอง นี่ด้วยอำนาจวาสนา ด้วยบุญที่สร้างมา

บุญที่สร้างมา เห็นไหม นางสุชาดาจะแก้บน เพราะบนไว้ อยากได้ลูกชาย พอได้ลูกชาย จะแก้บนกับเทวดา พอเทวดา เพราะเขาคิดว่าเขาจะแก้บน เขาจะไปหาเทวดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธลักษณะ โลกเขามองว่าเป็นเทวดา มานั่งอยู่นั่น นั่งอยู่โคนไม้ เราจะไปถวายเทวดา จะไปแก้บน

นี่อำนาจวาสนาบารมี ฉันอาหารของนางสุชาดา ถาดทองคำนะ ถวายเทวดา ถวายทั้งถาดทองคำ เอาถาดทองคำเสี่ยงทายลอยน้ำไป “ถ้าเราจะได้สำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มันทวนกระแสกลับขึ้นไป ให้มันทวนน้ำขึ้นไป” ถาดทองคำ ถาดลอยไปในแม่น้ำแล้วให้มันไหลทวนน้ำขึ้นไป นี่เวลาอำนาจวาสนาก็มีขนาดนั้นน่ะ แต่กิเลสมันบีบคั้นๆ

เวลากิเลสบีบคั้น เวลามาพิจารณาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง บุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ เรื่องอดีตสิ่งที่สร้างสมขึ้นมาได้เห็นหมดไง ได้เห็นว่า อ๋อ! ชาติที่แล้วพระเวสสันดร มันเห็นของมันไป เห็นแล้วก็ไม่ติดไม่ข้อง ถ้าไม่สิ้น มันก็ต้องไปจุตูปปาตญาณ ยังต้องเกิดไปอนาคต ก็ไม่ติดไม่ข้อง ดึงกลับมา อาสวักขยญาณ ทำลายอวิชชาในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิมุตติสุขๆ พอกันที การเวียนว่ายตายเกิดน่ะพอกันที สิ่งที่ดีงาม ที่สร้างสมบุญญาธิการมา

เวลาชูชกมาเกิดเป็นเทวทัต เทวทัตก็เกิดเป็นลูกผู้น้อง เป็นลูกผู้น้องก็เกิดมาเหมือนกัน เกิดมาเพราะว่าการกระทำมันก็มีฌานโลกีย์ มันก็ทำขึ้นไปเหมือนกัน มาเกิดเป็นเทวทัต พอมาเกิดเป็นเทวทัต เวลาเขาออกบวชๆ ออกบวชไปกับเขา เวลาไปประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันก็ได้ฌานโลกีย์ สิ่งที่ทำมาๆ มันคิดดีคิดชั่ว มันคิดอยู่ในใจของเราไง คนเรามีความรู้สึกนึกคิด ในหัวใจของเรา เราจะเป็นเทวทัตในหัวใจของเรา หรือเราจะเป็นเจ้าชายสิทธัตถะในหัวใจของเรา

“เป็นเจ้าชายสิทธัตถะเชียวหรือ เราทำอย่างนั้นได้หรือ”

อ้าว! ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตนะ กำหนดพุทโธๆ พุทโธคือชื่อของพุทธะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ขึ้นมา พุทธะมันยังไม่มี ดูสิ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว อนาถบิณฑิกเศรษฐีเขาไปเยี่ยมเพื่อนของเขา เพื่อนของเขานิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาถวายทาน เวลาเห็นเพื่อนทำอาหารมากมายมหาศาล “นี่มีงานอะไรกัน มีงานอะไรกัน”

“ไม่รู้หรือว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พุทธะมีแล้ว พุทธะ”

อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ยินว่าพุทธะมีแล้ว นอนไม่หลับ คืนนั้นนอนไม่ได้ กระวนกระวาย จะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไปเฝ้าพุทธะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้มันก็ไม่มีพุทธะ มันก็ไม่มีพุทโธ ก็บอกว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ภาวนาพุทโธ

ถ้าไม่มีพุทธะ ไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอ็งบวชเป็นพระทำไม ที่เอ็งบวชกันนี้ก็เพื่อพุทธะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยนี้ไว้ วางธรรมวินัย เราเป็นบริษัท ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราได้สิทธิ เราได้สิทธินะ ฝากไว้กับบริษัท ๔ แล้วบริษัท ๔ ฝากศาสนาไว้ ฝากไว้แล้วเราได้อะไรล่ะ ฝากไว้แล้วเราก็ยังมาโดนหลอกกันอยู่นี้ใช่ไหม

ถ้าฝากไว้ๆ ฝากไว้มันเป็นพินัยกรรม พินัยกรรมมันมีทรัพย์สินอยู่จริงหรือเปล่า พินัยกรรมมันมีสมบัติอยู่จริงหรือเปล่า แล้วสมบัตินั้นมันชี้มาที่ไหน พินัยกรรมมันชี้เข้ามาในหัวใจ ฝังไว้ที่นี่ ฝังไว้ที่พุทธะ ฝังไว้ในหัวใจ ถ้าฝังไว้ในหัวใจ

เรามาทำบุญกุศลกันเพราะว่าเรามีศรัทธามีความเชื่อ มีศรัทธาความเชื่อว่าอำนาจวาสนามันเกิด เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนเรื่องอะไร สอนให้เสียสละ เสียสละอะไร เสียสละความตระหนี่ถี่เหนียว เสียสละความยึดมั่นถือมั่น เสียสละความทุกข์ความยาก เสียสละไอ้ที่มันวิตกกังวล เสียสละความลังเลสงสัย ให้มันเสียสละที่นี่ไง เสียสละที่สุดก็เสียสละทิฏฐิมานะ อัตตาตัวตนมันเสียสละไง

แล้วถ้าเสียสละไม่เป็น ไม่เป็นก็ทำทานก่อน ทำทานเป็นวัตถุ วัตถุทำทานๆ เพราะอะไร เพราะถ้ามันมีกิเลสมาก มันไม่ยอม

โครงการช่วยชาติของหลวงตา ท่านบอกว่าไอ้พวกตระหนี่ถี่เหนียวกำแบงก์บาทไว้นะ แล้วมันบอกมันจะช่วยชาติ มันกำแล้วกำอีกจนเหงื่อออก แบงก์กระดาษเปียกหมดเลย จนเปื่อยหมดเลย มันยังให้ไม่ได้เลย แต่ถ้าคนเขามีศรัทธา เขาช่วยชาติ ช่วยชาติ ช่วยเหลือประเทศชาติ ศาสนจักรตั้งอยู่บนอาณาจักร ถ้าอาณาจักรมันเข้มแข็ง ถ้าอาณาจักรมันเข้มแข็ง สมณะชีพราหมณ์จะได้ประพฤติปฏิบัติ ถ้าอาณาจักรเข้มแข็ง เราประกอบสัมมาอาชีวะ เราอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข นี่ผู้ที่มีปัญญาเขาทำ แต่ไอ้พวกที่ปัญญาเยอะเกินไปมันก็มาแยกแยะ “ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์”

แล้วกิจของสงฆ์ทำอะไรล่ะ กิจของสงฆ์ก็ทำบุญมากๆ ได้บุญมากๆ ใช่ไหม กิจของสงฆ์ก็เอาสตางค์มาให้ฉัน เอาบุญไปใช่ไหม

แล้วเวลาเราทำของเราล่ะ เราทำของเรา เราทำเพื่ออะไร จิตใจเราสูงส่งกว่านั้น เพราะเวลาหลวงตาท่านพูดถึงไอ้หลังลายๆ ก็เศษกระดาษ เขาสมมุติกันว่ามีค่า เราก็มีค่าตามสมมุติ สมมุติบัญญัตินะ สมมุติ สมมุติให้เป็นจริง มันเป็นจริงตามสมมุตินะ กฎหมายสมมุติทั้งนั้นน่ะ เพราะเวลาเขาเลิกใช้แล้ว กฎหมายล้าหลัง กฎหมายหมดสมัยเขายกเลิก สมมุติไหม สมมุติ แต่จริงตามสมมุติ เพราะมันได้การยอมรับกับสังคม สังคมยอมรับกติกานี้ก็ต้องเป็นกติกาอันนี้

นี่ก็เหมือนกัน มันเป็นสมมุติๆ สมมุติมันก็เป็นจริงตามสมมุตินั่นน่ะ แต่ถ้าเราจะเอาจริงของเราล่ะ ถ้าเอาจริงของเรานะ สมมุติบัญญัติ บัญญัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเวลาเขาไปธรรมทูตๆ เวลาเถรวาทเขาไปเจอกัน สวดบาลีเหมือนกัน สวดบาลีเหมือนกันนี่บัญญัติ จะภาษาไหนก็แล้วแต่ สวดบาลีเหมือนกัน นี่สมมุติบัญญัติ บัญญัติขึ้นมา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ บัญญัติขึ้นมาเรื่องอริยสัจ เรื่องสัจจะ เรื่องความจริง เรื่องอำนาจวาสนาบารมีของธรรม ถ้ามันมีจริงขึ้นมา ถ้าเราปฏิบัติ เราปฏิบัติอย่างนั้นน่ะ

เวลาเราปฏิบัติ ปฏิบัติเพื่ออะไรล่ะ ก็นี่ไง ก็พุทธะไง ถ้าพุทธะ พุทธะของเราแท้ๆ พุทธะเป็นธาตุรู้ คนเราเกิดมามีจิต จิตคือพุทธะ จิตคือจิตวิญญาณ ไม่มีจิตวิญญาณก็ไม่มีชีวิต แล้วจิตวิญญาณมันมาจากไหน เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก พ่อแม่ให้ชีวิตนี้มาไง แล้วจิตนี้มาจากไหน จิตมันแบ่งจิตได้ไหม จิตหนึ่งมันเป็นแบ่งเป็นจิตสองจิตสามไม่ได้ จิตที่มันจะจุติในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำของมารดามันต้องเป็นจิตของคนคนนั้น ดูสิ ดูเจ้าชายสิทธัตถะเวลาจะลงจุติในครรภ์ของนางมหามายาสิ นั่นก็จิตหนึ่ง แต่จิตหนึ่งนะ จิตหนึ่งได้มาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา จิตหนึ่งนั้นมาชำระล้าง จิตหนึ่งนั้นมาสำรอกมาคายอวิชชาออก พญามารทำลายมันแล้ว จิตนั้นเป็นจิตแห่งพุทธะ แล้วจิตเราล่ะ

นี่ไง สมบัติของเราๆ นี่ไง ที่เราจะทำสมบัติของเรา สมบัติที่นี่ ที่มาเสียสละกันอยู่นี่ เสียสละกันอยู่นี่ก็เสียสละเพื่อหัวใจดวงนั้นน่ะ หัวใจดวงที่เสียสละน่ะ หลวงตาท่านบอกว่า เราเสียสละขึ้นมา เราทำไร่ไถนาของเรา นาของเรา ถ้าเราเก็บเกี่ยวแล้วเราได้อะไร เราก็ได้ข้าวในนานั้นใช่ไหม พระเป็นเนื้อนาของโลก พระเป็นเนื้อนา เป็นเนื้อนาบุญไง เนื้อนามันได้อะไรล่ะ เวลาเขาเก็บข้าวไปแล้ว นามันก็เหลือแต่ฟางข้าว แล้วก็เม็ดข้าวที่ร่วงอยู่ในนานั่นล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามองอย่างนี้มันก็จะได้บุญกุศลเป็นแบบนั้น ถ้าบุญกุศลเป็นแบบนั้น บุญกุศลอยู่ที่ไหน บุญเป็นตัวกลมๆ หรือตัวแบนๆ

บุญมันก็ความรู้สึกนี่ไง ความรู้สึกที่อบอุ่น ความรู้สึกที่ชื่นบาน ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง แล้วความปลอดโปร่ง มันปลอดโปร่งโดยสัจจะ โดยความจริง โดยอริยสัจ มันปลอดโปร่งอย่างนั้นมันปลอดโปร่งโดยไม่มีสิ่งใดเคลือบแคลงสงสัย

ถ้ามันปลอดโปร่งโดยการประชาสัมพันธ์ “ว่างๆ ว่างๆ มันปลอดโปร่ง ทำแล้วมันสบายใจๆ” พอเขาบอกว่าเราทำผิด โอ้โฮ! เสียดายๆ

แต่ถ้าเราเป็นสัจจะ เป็นความจริง ทำแล้ว ทำแล้วทิ้งเหว เป็นความจริงของเรา มันพิสูจน์ได้ การเสียสละอันนั้นมันพิสูจน์ได้ มันพิสูจน์ได้จากสัจจะความจริงอันนั้น ถ้าสัจจะความจริงอันนั้นมันเป็นสัจจะความจริงอันนั้น แล้วเรามาภาวนาของเรา ถ้าภาวนาของเรามันยิ่งรู้ รู้เพราะอะไร

ดูสิ เวลาพุทธะมันเบิกบาน มันแจ่มใส มันครอบ ๓ โลกธาตุ แล้วจิตใจของเราล่ะ ถ้ามันทำ จิตใจดวงใดก็แล้วแต่ ถ้ามันทำแล้วมันเหมือนกันทั้งนั้นน่ะ มันเหมือนกัน มันพิจารณาได้เหมือนกัน แล้วสมบัติอันนี้เป็นของเรา ของเรา ดูสิ สิ่งที่เป็นสัจธรรมมันละเอียดลึกซึ้ง ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญามันเกิดขึ้น มันละเอียดลึกซึ้งเกินไป ละเอียดลึกซึ้งเกินไปจนเราเข้าถึงกันไม่ได้ แล้วเราจะเริ่มต้นกันไม่ได้ไง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสอนเรื่องการเสียสละทานไง อนุปุพพิกถา ทำทาน ทำบุญกุศลแล้วมันได้ไปเกิดบนสวรรค์ พอเกิดบนสวรรค์แล้ว ถ้ามีสติมีปัญญา ให้ถือเนกขัมมะ ถือเนกขัมมะ พอจิตใจควรแก่การงาน ถือเนกขัมมะ เพราะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เกิดบนสวรรค์ เกิดบนพรหมมันก็ต้องตายเหมือนกันหมดแหละ ผลของวัฏฏะๆ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แล้วทำอย่างไรถึงจะพ้นจากวัฏฏะล่ะ

ถ้ามันจะพ้นจากวัฏฏะ ถ้ามันจะพ้นจากวัฏฏะ มันก็มีอริยสัจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อริยสัจ ถ้าพ้นจากวัฏฏะ มันมีมรรคญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เองเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนตรงนั้นไง จะสอนตรงนั้น แต่มันต้องปรับสภาพใจของคนขึ้นมาก่อน จะสอนถึงตรงนั้นเลย ตรงนั้นรู้ไม่ได้หรอก มันรู้ได้มันเป็นมุมมอง เป็นมุมมอง เป็นทัศนคติ เป็นตรรกะ เข้าไม่ถึงหรอก เข้าไม่ถึง เข้าไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึง เป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ทำความสงบของใจเข้ามาก่อน

ถ้าใจมันสงบเข้ามาก่อน มันทำความสงบของมันขึ้นมา สิ่งที่เป็นโลกๆ มันก็รู้ของมันนะ สิ่งที่เป็นโลกๆ มันก็หลอกเราอยู่นี่ เราวางโลกทัศน์ เราวางโลกียปัญญา โลกียปัญญาเพราะกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันครอบงำอยู่ เราวางเสร็จแล้วทำความสงบของใจเข้ามา พอใจมันสงบแล้ว ถ้ามันยกขึ้นสู่ เห็นไหม “ใจสงบแล้วจะยกขึ้นทำไมล่ะ ก็มันสงบแล้ว มันดีแล้ว”...มันดีแล้วมันก็ชั่วคราว

ดูสิ ลัทธิศาสนาทุกลัทธิศาสนาเขาบอกว่าเขาก็มีการภาวนาเหมือนกัน การภาวนาของเขาสูงส่งได้แค่นี้ แล้วเป็นมิจฉาด้วย เป็นมิจฉาเพราะเข้าไปสว่างไสว เข้าไปผ่องใสเท่านั้น เพราะผ่องใสขนาดไหนมันก็เศร้าหมอง สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดคงที่ ไม่มี ถ้าทำอย่างนั้นแล้วมันก็เวียนอยู่ในวัฏฏะนั่นน่ะ มันก็เจริญแล้วเสื่อม เสื่อมแล้วเจริญอยู่นั่นน่ะ ถ้ามันรักษาไว้ก็รักษาด้วยตบะธรรมเท่านั้นเอง

แต่ถ้ามันเป็นจริงนะ ยกขึ้นสู่วิปัสสนา ถ้าวิปัสสนาขึ้นไปแล้ว นี่ปัญญาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาสวักขยญาณ สำรอกคายอวิชชา คายความที่ว่าพาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะที่มันพาเกิดอยู่นี่ เพราะมันไม่รู้ตัวมัน มันถึงพาเกิด ถ้ามันไปชำระล้าง มันสว่างไสวขึ้นมา ใครจะไปเกิด ก็กูไม่ไป กูไม่ไปแล้วอะไรจะเกิด กูไม่ไป กูไม่มี กูไม่รับรู้ แล้วใคร อะไรจะไปเกิด แต่ถ้ากูไม่รู้จักตัวเองน่ะไป กูไม่ยอมไป แต่มันไปแล้ว ไปเพราะความไม่รู้นั่นแหละ

นี่ไง ถ้ามันสำรอกมันคายของมันเป็นความจริงอันนี้ นี่ไง พุทธะไง นี่ไง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วถึงเป็นพระพุทธเจ้า แล้วชื่อว่าพุทธะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ฉะนั้น ถ้ามันเคารพกัน มันเคารพมันก็ต้องเคารพตั้งแต่นาม แล้วเวลาเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าจิตเราสงบเข้ามาแล้ว นั่นแหละตัวจริง ตัวจริง เห็นไหม ตัวจริงของพุทธะ แล้วพุทธะเป็นพุทธะของเราเสียด้วย ไม่ใช่พุทธะของใครทั้งสิ้น แล้วถ้ามันมีความสงบมีความระงับขึ้นมา มันมีสติมีปัญญา พยายามฝึกหัดก้าวเดินขึ้นไป ถ้าก้าวเดินขึ้นไปนะ

คนมีความคิด สัตว์มันก็มีความคิด แต่ความคิดของสัตว์มันเพื่อดำรงชีพของมัน มันหาอาหารเพื่อเลี้ยงชีพมันเท่านั้นน่ะ แล้วเวลาภัยแล้งต่างๆ มันก็ไปหาอาหารของมันโดยที่ไม่ประสีประสา ไอ้เราก็หวงของเราๆ มันก็ว่าอาหารประจำโลก ใครก็กินได้ นี่ความคิดของมัน เพราะมันหิวมันกระหาย ไอ้เราก็หวงแหนของเรา

ทีนี้พอเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา สิ่งที่เป็นอาหาร เดี๋ยวนี้ถ้าขณะไหนเกิดภัยแล้งขึ้นมา พอภัยแล้ง มีงบประมาณแล้ว มีความช่วยเหลือกันแล้ว เวลาสงคราม ยูเอ็นเขายังต้องเอาอาหารไปแจกเลย เพราะเขาเห็นถึงความเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญา สิ่งนั้นมันเลี้ยงธาตุ ๔ เราจะต้องมีคุณธรรมในใจของเรา สมบัติของพระคือคุณธรรม คือศีล สมาธิ ปัญญา สมบัติของเราเป็นแก้วแหวนเงินทอง มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยดำรงชีพ แล้วสมบัติจริงๆ มันคืออะไรล่ะ สมบัติจริงๆ ของคนมันคืออะไร

สมบัติจริงๆ ของคนก็มีความดีกับความชั่ว แต่เราเอาความดีสิ ความชั่วไม่เอาจะเอาความดี แล้วดี ดีถึงที่สุด ดีถึงที่สุด ดีอยู่ที่โคนไม้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ อยู่ที่โคนไม้ แต่ดีของเราอยู่ที่โคนหัวใจ อยู่ที่จิตใต้สำนึก โคนหัวใจ พุทธะอันนี้ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา ความดีเรามันอยู่ที่นี่ แล้วไม่ต้องใครมาบอกกู ไม่ต้องให้ใครมาอุทิศส่วนกุศลให้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะหัวใจของกูมันเป็นของกู เอวัง